จำนวนชิ้น | ส่วนลดต่อชิ้น | ราคาสุทธิต่อชิ้น |
{{(typeof focus_pdata.price_list[idx+1] == 'undefined')?('≥ '+price_row.min_quantity):((price_row.min_quantity < (focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1))?(price_row.min_quantity+' - '+(focus_pdata.price_list[idx+1].min_quantity - 1)):price_row.min_quantity)}} | {{number_format(((focus_pdata.price_old === null)?focus_pdata.price:focus_pdata.price_old) - price_row.price,2)}} บาท | {{number_format(price_row.price,2)}} บาท |
คงเหลือ | ชิ้น |
จำนวน (ชิ้น) |
- +
|
ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า ซื้อเลย หยิบลงตะกร้า คุณมีสินค้าชิ้นนี้ในตะกร้า 0 ชิ้น
|
|
|
|
คุยกับร้านค้า | |
{{ size_chart_name }} |
|
หมวดหมู่ | น่ารู้ |
สภาพ | สินค้าใหม่ |
เพิ่มเติม | |
สภาพ | สินค้ามือสอง |
เกรด | |
สถานะสินค้า | |
ระยะเวลาจัดเตรียมสินค้า | |
เข้าร่วมโปรโมชั่น | |
ข้อมูล |
น้ำหนัก
บาร์โค้ด
ลงสินค้า
อัพเดทล่าสุด
|
รายละเอียดสินค้า |
โรคตาแห้ง โรคตาแห้ง (Dry Eye)
ตาแห้ง คือ การที่ปริมาณน้ำตาที่มาหล่อเลี้ยง ให้ความชุ่มชื้นกับดวงตา เคลือบกระจกตาดำไม่พอหรือมีการระเหยของน้ำตามากเกินไป พบในผู้ป่วยทุกเพศและทุกวัย แต่พบบ่อยมากในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน
อาการที่สำคัญ ได้แก่ ระคายเคืองตา คล้ายมีผงอยู่ในตา บางรายมีอาการมองไม่ชัดด้วย ต้องกระพริบตาจึงจะมองเห็นได้ดีขึ้น มักเป็นมากในช่วงบ่ายๆ เย็นๆ จะเป็นมากขึ้นเมื่อทำงานที่ต้องใช้สายตา เช่น อ่านหนังสือ ทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ ดูโทรทัศน์ อาการต่างๆ เหล่านี้จะค่อยเป็นค่อยไป หากตาแห้งนานมากจะทำให้ผิวตาดำไม่เรียบ ตาติดเชื้อได้ง่าย หากติดเชื้อตาดำจะเป็นแผล ทำให้อาการแย่ลงไปอีก ถ้ารักษาไม่ดี แผลอักเสบในตาดำทรุดลงจะทำให้ตาบอดได้ การรักษาโรคตาแห้ง โดยการลดการระเหยของน้ำตาให้น้อยลง เป็นวิธีที่ง่ายและได้ผลดี คือ 1. หลีกเลี่ยงการปะทะโดยตรงกับแดดและลม โดยสวมแว่นกันแดดเมื่ออยู่กลางแจ้ง ไม่นั่งในที่ที่มีลมพัดหรือแอร์เป่าใส่หน้า 2. กระพริบตาถี่ๆ ในภาวะปกติคนเราจะกระพริบตานาทีละ 20-22 ครั้ง ทุกครั้งที่กระพริบตา เปลือกตาจะรีดผิวน้ำตาให้มาฉาบผิวกระจกตา แต่ถ้าในขณะที่จ้องหรือเพ่ง ตาจะลืมค้างไว้นานกว่าปกติ ทำให้กระพริบตาเพียง 8-10 ครั้ง น้ำตาก็จะระเหยออกไปมาก ทำให้ตาแห้งเพิ่มขึ้น จึงควรพักสายตา โดยการหลับตา กระพริบตา หรือลุกขึ้นเปลี่ยนอิริยาบถ ประมาณ 2-3 นาที ในทุกครึ่งชั่วโมง 3. ใช้น้ำตาเทียม หรือ ยาหยอดตาที่ใช้เพื่อหล่อลื่นและให้ความชุ่มชื้นกับผู้ที่ตาแห้ง น้ำตาเทียมมี 2 ชนิด คือ - น้ำตาเทียมชนิดน้ำ เหมาะที่จะใช้ในเวลากลางวันเพราะไม่เหนียว และไม่ทำให้ตามัว แต่มีข้อจำกัด คือ ต้องหยอดตาบ่อย - น้ำตาเทียมชนิดเจลและขี้ผึ้ง มีลักษณะเหนียว หล่อลื่นและคงความชื่นชื้นได้นานกว่าชนิดน้ำ แต่จะทำให้ตามัวชั่วขณะหลังป้ายยา จึงควรใช้ป้ายตาแต่น้อยก่อนเข้านอน ![]() ![]() ข้อควรระวังในการใช้น้ำตาเทียม ผู้ป่วยที่ตาแห้งน้อย หยอดตตาไม่เกินวันละ 4-5 ครั้ง สามารถใช้ยาหยอดตาชนิดขวดที่มีสารกันเสียได้ ผู้ป่วยที่ตาแห้งมาก และหยอดตามากกว่าวันละ 6 ครั้ง จักษุแพทย์จะสั่งน้ำตาเทียมชนิดพิเศษที่ไม่มีสารกันเสีย (Preservative-Free Tear) ให้ใช้แทน ซึ่งมีข้อจำกัด คือ ยาจะบรรจุในหลอดเล็ก เมื่อเปิดใช้แล้วจะต้องใช้ให้หมดภายใน 16 ชั่วโมง หากใช้นานกว่านี้ อาจจะเกิดการปนเปื้อนของเชื้อโรคได้ 4. การอุดรูระบายน้ำตา สำหรับผู้ที่มีอาการตาแห้งอย่างรุนแรง จักษุแพทย์จะใช้วิธีอุดรูระบายน้ำตาเพื่อขังน้ำตาที่มีอยู่ให้หล่อเลี้ยงตา อยู่ได้นานๆ ไม่ปล่อยให้ไหลทิ้งไป เหมือนกับการสร้างเขื่อนกั้นเก็บกักน้ำไว้ใช้ ![]() ![]() ![]() |
เงื่อนไขอื่นๆ |
|
Tags |